Context of ประเทศเนเธอร์แลนด์

เนเธอร์แลนด์ (ดัตช์: Nederland [ˈneːdərˌlɑnt] เนเดอร์ลันด์; อังกฤษ: Netherlands) หรือที่มักเรียกกันว่า ฮอลแลนด์ (อังกฤษ: Holland) หรือ ฮอลันดา หรือ วิลันดา เป็นประเทศองค์ประกอบ (constituent country) ของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วยสิบสองจังหวัดในยุโรปตะวันตก และสามเกาะในแคริบเบียน เนเธอร์แลนด์ส่วนที่อยู่ในทวีปยุโรปมีอาณาเขตทิศเหนือและตะวันตกจดทะเลเหนือ ทิศใต้จดประเทศเบลเยียม และทิศตะวันออกจดประเทศเยอรมนี และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับเบลเยียม เยอรมนีและสหราชอาณาจักร ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีรัฐสภาจากการเลือกตั้ง และปกครองด้วยประชาธิปไตยระบบรัฐสภา จัดระเบียบเป็นรัฐเดี่ยว เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ คือ อัมสเตอร์ดัม ทว่า ที่ทำการรัฐบาลตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ทั้งหมดมักเรียกว่า "ฮอลแลนด์" ซึ่งในการใช้อย่างเข้มงวดจะหมายความถึงจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์และเซาท์ฮอลแลนด์เท่านั้น ถือกันว่าการใช้แบบแรกนั้นไม่ถูกต้อง หรือไ...อ่านต่อ

เนเธอร์แลนด์ (ดัตช์: Nederland [ˈneːdərˌlɑnt] เนเดอร์ลันด์; อังกฤษ: Netherlands) หรือที่มักเรียกกันว่า ฮอลแลนด์ (อังกฤษ: Holland) หรือ ฮอลันดา หรือ วิลันดา เป็นประเทศองค์ประกอบ (constituent country) ของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วยสิบสองจังหวัดในยุโรปตะวันตก และสามเกาะในแคริบเบียน เนเธอร์แลนด์ส่วนที่อยู่ในทวีปยุโรปมีอาณาเขตทิศเหนือและตะวันตกจดทะเลเหนือ ทิศใต้จดประเทศเบลเยียม และทิศตะวันออกจดประเทศเยอรมนี และมีพรมแดนทางทะเลร่วมกับเบลเยียม เยอรมนีและสหราชอาณาจักร ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่มีรัฐสภาจากการเลือกตั้ง และปกครองด้วยประชาธิปไตยระบบรัฐสภา จัดระเบียบเป็นรัฐเดี่ยว เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ คือ อัมสเตอร์ดัม ทว่า ที่ทำการรัฐบาลตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ทั้งหมดมักเรียกว่า "ฮอลแลนด์" ซึ่งในการใช้อย่างเข้มงวดจะหมายความถึงจังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์และเซาท์ฮอลแลนด์เท่านั้น ถือกันว่าการใช้แบบแรกนั้นไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นทางการ ขึ้นอยู่กับบริบท ทว่า เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปเมื่อหมายถึงฟุตบอลทีมชาติ

ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีพื้นที่ต่ำ โดย 20% ของพื้นที่อยู่ และ 21% ของประชากรอาศัยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และ 50% ของพื้นที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกินหนึ่งเมตร ซึ่งลักษณะเด่นนี้เป็นที่มาของชื่อประเทศ ในภาษาดัตช์ อังกฤษและภาษาอื่นของยุโรปอีกหลายภาษา ชื่อประเทศหมายถึง "แผ่นดินต่ำ" หรือ "กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ" พื้นที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเกิดจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งเกิดจากการสกัดพีต (peat) อย่างกว้างขวางและมีการควบคุมไม่ดีหลายศตวรรษทำให้พื้นผิวต่ำลงหลายเมตร แม้ในพื้นที่น้ำท่วมถึง การสกัดพีตยังดำเนินต่อไปโดยการขุดลอกพื้นที่ ตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 เริ่มมีการฟื้นสภาพที่ดินและปัจจุบันมีการสงวนพื้นที่โพลเดอร์ (polder) ขนาดใหญ่ด้วยระบบการระบายน้ำที่ซับซ้อนซึ่งมีทั้งพนัง คลองและสถานีสูบ พื้นที่เกือบ 17% ของประเทศเป็นพื้นที่ที่เกิดจากการถมทะเล พื้นที่บริเวณกว้างของเนเธอร์แลนด์เกิดจากชะวากทะเลของแม่น้ำสำคัญของทวีปยุโรปสามสายและลำน้ำแตกสาขาเกิดเป็นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไรน์–เมิซ–ซเกลดะ (Rhine–Meuse–Scheldt delta) พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นที่ราบ ยกเว้นเนินเขาทางตะวันออกเฉียงใต้และเทือกเขาเตี้ย ๆ หลายเทือกทางตอนกลาง

ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นสมาชิกก่อตั้งของสหภาพยุโรป จี-10 นาโต้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) องค์การการค้าโลก และเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพเศรษฐกิจไตรภาคีเบเนลักซ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นที่ตั้งขององค์การห้ามอาวุธเคมี และศาลระหว่างประเทศห้าศาล ได้แก่ ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ศาลอาญาระหว่างประเทศ คณะตุลาการอาญาระหว่างประเทศสำหรับอดีตยูโกสลาเวียและคณะตุลาการพิเศษสำหรับเลบานอน สี่ศาลแรกตั้งอยู่ในกรุงเฮก เช่นเดียวกับยูโรโปล สำนักข่าวกรองอาชญากรรมของสหภาพยุโรป และยูโรจัสต์ สำนักความร่วมมือทางตุลาการ ทำให้กรุงเฮกได้รับสมญาว่า "เมืองหลวงกฎหมายโลก" ประเทศเนเธอร์แลนด์ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสมอิงตลาด โดยอยู่ในอันดับที่ 17 จาก 177 ประเทศในดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ในปี 2554 เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงสุดเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ในเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน OECD จัดให้เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศ "ที่มีความสุขที่สุด" ในโลก ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการครองชีพที่สูง

More about ประเทศเนเธอร์แลนด์

Basic information
  • Currency ยูโร
  • Native name Nederland
  • Calling code +31
  • Internet domain .nl
  • Speed limit 130
  • Mains voltage 230V/50Hz
  • Democracy index 8.96
Population, Area & Driving side
  • Population 17590672
  • Area 41543
  • Driving side right
ประวัติ
  • ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เนเธอร์แลนด์

    ประวัติศาสตร์โดยสังเขป ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง กลุ่มชนเจอร์แมนิก และเคลติก โดยเฉพาะชาวแฟรงก์ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้น ก่อตั้งเป็นจักรวรรดิการอแล็งเฌียง ก่อนจะแยกออกเป็นสามอาณาจักรย่อย ได้แก่ อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก อาณาจักรแฟรงก์กลาง อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก ในเวลาต่อมา โดยดินแดนส่วนใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบันอยู่ในส่วนของอาณาจักรแฟรงก์กลาง ที่ไม่มีความเป็นปึกแผ่น จึงแตกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยอยู่หลายแคว้น มีเมืองสำคัญได้แก่ ฮอลแลนด์ แอโน ฟลานเดอร์ส เกลเดอร์ส บราบันต์ และยูเทรกต์ ในช่วงนี้ ระบบเกษตรกรรมถูกพัฒนาไปอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพ่อค้ารายใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เมืองเติบโตมากขึ้น นอกจากนี้ ชาวนาจากฟลานเดอร์สและยูเทรกต์เริ่มผันน้ำทะเลออกและสร้างพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นมาใหม่ทางตะวันตก ทำให้เคาน์ตีฮอลแลนด์เริ่มเรืองอำนาจมากขึ้น

    ในช่วงปี พ.ศ. 1927 ถึง 2124 (ค.ศ. 1384 ถึง 1581) เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของดยุคแห่งเบอร์กันดี ในยุคนี้ อัมสเตอร์ดัมเติบโตขึ้นและกลายเป็นท่าเรือสินค้าที่สำคัญของทะเลบอลติก เป็นจุดกระจายธัญพืชที่สำคัญสู่เบลเยียม ฝรั่งเศสตอนเหนือ และอังกฤษ กองกำลังของเคาน์ตีฮอลแลนด์ก็มีความเข้มแข็งมากขึ้นและสามารถเอาชนะกองทัพของสันนิบาตฮันเซอได้หลายครั้ง

    ...อ่านต่อ
    ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เนเธอร์แลนด์

    ประวัติศาสตร์โดยสังเขป ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง กลุ่มชนเจอร์แมนิก และเคลติก โดยเฉพาะชาวแฟรงก์ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้น ก่อตั้งเป็นจักรวรรดิการอแล็งเฌียง ก่อนจะแยกออกเป็นสามอาณาจักรย่อย ได้แก่ อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก อาณาจักรแฟรงก์กลาง อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก ในเวลาต่อมา โดยดินแดนส่วนใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบันอยู่ในส่วนของอาณาจักรแฟรงก์กลาง ที่ไม่มีความเป็นปึกแผ่น จึงแตกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยอยู่หลายแคว้น มีเมืองสำคัญได้แก่ ฮอลแลนด์ แอโน ฟลานเดอร์ส เกลเดอร์ส บราบันต์ และยูเทรกต์ ในช่วงนี้ ระบบเกษตรกรรมถูกพัฒนาไปอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพ่อค้ารายใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เมืองเติบโตมากขึ้น นอกจากนี้ ชาวนาจากฟลานเดอร์สและยูเทรกต์เริ่มผันน้ำทะเลออกและสร้างพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นมาใหม่ทางตะวันตก ทำให้เคาน์ตีฮอลแลนด์เริ่มเรืองอำนาจมากขึ้น

    ในช่วงปี พ.ศ. 1927 ถึง 2124 (ค.ศ. 1384 ถึง 1581) เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของดยุคแห่งเบอร์กันดี ในยุคนี้ อัมสเตอร์ดัมเติบโตขึ้นและกลายเป็นท่าเรือสินค้าที่สำคัญของทะเลบอลติก เป็นจุดกระจายธัญพืชที่สำคัญสู่เบลเยียม ฝรั่งเศสตอนเหนือ และอังกฤษ กองกำลังของเคาน์ตีฮอลแลนด์ก็มีความเข้มแข็งมากขึ้นและสามารถเอาชนะกองทัพของสันนิบาตฮันเซอได้หลายครั้ง

    เนเธอร์แลนด์ในประวัติศาสตร์
     
    ภาพวาด สงครามอังกฤษ-ดัตช์ ครั้งที่ 2 โดย ปีเตอร์ โคร์เนลิสซ์ ฟอน ซูสต์
     
    กลุ่มประเทศต่ำช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14
     
    เจ้าชายวิลเลิมที่ 1 ผู้นำการปฏิวัติดัตช์ต่อจักรวรรดิสเปน

    ในศตวรรษที่ 16 จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และกษัตริย์ของสเปน ได้รวบรวมเอาดินแดนทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก ตั้งเป็นกลุ่มสิบเจ็ดมณฑล ขึ้นตรงต่อสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ใน ค.ศ. 1568 เพื่อเรียกร้องเอกราชให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์ได้สถาปนาสาธารณรัฐดัตช์ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ได้ โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดทั้งเจ็ดที่ลงสนามในสนธิสัญญาสหภาพแห่งยูเทรกต์ เป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม 80 ปี เมื่อสงครามดำเนินมาถึงปี ค.ศ. 1581 ส่วนเหนือของเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศเอกราชจากสเปน แต่สงครามยังดำเนินต่อไปอีก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 (ค.ศ. 1648) จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ถือเป็นการรับรองเอกราชของเนเธอร์แลนด์จากสเปนอย่างเป็นทางการด้วย

    หลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่าง ๆ ของโลก ตั้งแต่นิวอัมสเตอร์ดัม และหมู่เกาะแคริบเบียนในอเมริกา แอฟริกาใต้ จนถึงหมู่เกาะอินเดียตะวันออก(อินโดนีเซียในปัจจุบัน) โดยบริษัทอินเดียตะวันออกและบริษัทอินเดียตะวันตกของเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้ดูแลการค้าและปกครองอาณานิคม ทำให้เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรปในเวลานั้น และกรุงอัมสเตอร์ดัมก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป จนมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก ก่อนจะเจอปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจรุมเร้า เช่น การเก็งกำไรดอกทิวลิป และการโจมตีราคาหุ้น และเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2215 (ค.ศ. 1672) ที่เรียกว่าเป็นปีแห่งความหายนะ (Rampjaar) ของเนเธอร์แลนด์ เมื่อเกิดสงครามกับอังกฤษ ฝรั่งเศส และรัฐในเยอรมนีพร้อมๆกัน แม้กองทัพจะรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ความเสียหายจากสงครามเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของเนเธอร์แลนด์ แม้จะพยายามฟื้นฟูอยู่หลายครั้งก็ไม่สามารถกลับไปเทียบเท่าจุดรุ่งเรืองสุดขีดของยุคทองได้อีก

    เมื่อปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) กองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสนำโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ได้กรีฑาทัพเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ เจ้าชายวิลเลียมที่ 5 แห่งออเรนจ์ ผู้ปกครองเนเธอร์แลนด์ในครานั้นทรงลี้ภัยไปประทับที่อังกฤษ และในปี พ.ศ. 2353 (ค.ศ. 1810) เนเธอร์แลนด์ก็ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อพระเจ้านโปเลียนแพ้สงครามที่ยุทธการที่ไลพ์ซิช ใน พ.ศ. 2356 (ค.ศ. 1813) จักรวรรดิฝรั่งเศสจึงเสื่อมอำนาจลงเนเธอร์แลนด์จึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้ง เจ้าชายวิลเลียม เฟรเดริค โอรสของผู้ปกครองเนเธอร์แลนด์คนสุดท้ายได้กลับมายังดินแดนเนเธอร์แลนด์ในปีเดียวกัน และได้ครองราชย์ราชรัฐเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่อีกสองปีต่อมา ผลจากการประชุมใหญ่แห่งเวียนนาจะยกดินแดนเบลเยียมในปัจจุบันให้เป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ เจ้าชายวิลเลียม เฟรเดริคจึงได้ทรงก่อตั้งสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ขึ้น และสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าวิลเลิมที่ 1 แห่งเนเธอร์แลนด์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เนเธอร์แลนด์พระองค์แรก และแกรนด์ดยุกลักเซมเบิร์ก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความแตกต่างในทุก ๆ ด้านระหว่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ประเทศทั้งสองจึงได้แยกออกจากกันในปี พ.ศ. 2373 (ค.ศ. 1830) ก่อนจะได้รับการรับรองเอกราชอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) เนเธอร์แลนด์ประกาศเลิกทาสเมื่อ ค.ศ. 1863 ก่อนจะเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19

    เนเธอร์แลนด์ประกาศความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457-2461 และประกาศความเป็นกลางอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี กองทัพเวร์มัคท์ ได้รุกรานและยึดครองเนเธอร์แลนด์ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2483-2488 (ค.ศ. 1940-1945) ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์เป็นสมาชิกที่มีบทบาทแข็งขันในสหภาพยุโรปและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต

    เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมจนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) และซูรินามประกาศเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) ส่วนเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีสและอารูบายังคงเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยมีอธิปไตยในการบริหารกิจการภายในประเทศ ส่วนด้านการทหารและการต่างประเทศยังอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์

    Read less

Phrasebook

สวัสดี
Hallo
โลก
Wereld
สวัสดีชาวโลก
Hallo Wereld
ขอขอบคุณ
Dank je
ลาก่อน
Tot ziens
ใช่
Ja
ไม่
Nee
คุณเป็นอย่างไรบ้าง
Hoe gaat het met je?
สบายดีขอบคุณ
Fijn, bedankt
ราคาเท่าไหร่?
Hoeveel is het?
ศูนย์
Nul
หนึ่ง
Een

Where can you sleep near ประเทศเนเธอร์แลนด์ ?

Booking.com
491.376 visits in total, 9.211 Points of interest, 405 Destinations, 1 visits today.