Australia

ประเทศออสเตรเลีย
Ishara Udawela - CC BY-SA 4.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Andy McLemore from ...in a little town where everybody wishes they were somewhere else, United State - CC BY-SA 2.0 Mark - GFDL Chris Fithall - CC BY 2.0 No machine-readable author provided. Enochlau assumed (based on copyright claims). - CC BY-SA 3.0 Rob Young from United Kingdom - CC BY 2.0 Graeme Bartlett - CC BY-SA 3.0 jeffowenphotos - CC BY 2.0 Nicolas Lannuzel from Singapore, Singapore - CC BY-SA 2.0 Stan Feldman - CC BY-SA 4.0 Rhain - CC BY-SA 4.0 Rhain - CC BY-SA 4.0 Graeme Bartlett - CC BY-SA 3.0 Corevette - CC BY-SA 3.0 Peter James McNally - CC BY-SA 4.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 - Public domain Mark - GFDL Burraburra - CC BY-SA 4.0 Ciambue - CC BY 2.0 Twistie.man - CC BY-SA 3.0 W. Bulach - CC BY-SA 4.0 W. Bulach - CC BY-SA 4.0 Corey Leopold - CC BY 2.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Bäras - CC BY-SA 3.0 Nigel Malone - CC BY-SA 1.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 ogwen - CC BY-SA 3.0 Andy McLemore from ...in a little town where everybody wishes they were somewhere else, United State - CC BY-SA 2.0 Mark - GFDL Graeme Bartlett - CC BY-SA 3.0 EmpireFootage - CC BY-SA 4.0 Bluedawe - CC BY-SA 3.0 Calistemon (talk) - CC BY-SA 3.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Peter Campbell - CC BY-SA 3.0 Bidgee - CC BY 3.0 Balmy Palmy - CC BY-SA 4.0 Robyn Bradbrook - CC BY-SA 4.0 Schutz - CC BY-SA 3.0 Ciambue - CC BY 2.0 Bob Tarr - CC BY-SA 4.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Nachoman-au - CC BY-SA 3.0 Graeme Bartlett - CC BY-SA 3.0 Kaliumfredrik at English Wikipedia - CC BY-SA 3.0 Paul Holloway from Birmingham, United Kingdom - CC BY-SA 2.0 Reefpix - CC BY-SA 4.0 Ian Cochrane from Melbourne, Australia - CC BY 2.0 User: (WT-shared) Inas at wts wikivoyage - Public domain No images

Context of ประเทศออสเตรเลีย

ออสเตรเลีย (อังกฤษ: Australia) หรือชื่อทางการคือ เครือรัฐออสเตรเลีย (อังกฤษ: Commonwealth of Australia) เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย, เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโลกเมื่อนับพื้นที่ทั้งหมด มีประเทศเพื่อนบ้านประกอบด้วย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และติมอร์-เลสเตทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากรราว 26 ล้านคน ด้วยขนาดพื้นที่ 7,617,930 ตารางกิโลเมตร (2,941,300 ตารางไมล์) มีลักษณะเป็นสังคมเมืองสูงโดยประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นบริเวณชายฝั่งตะวันออก เมืองหลวงของประเทศคือแคนเบอร์รา ในขณะที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดและยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ เมืองที่มีประชากรรองลงมา ได้แก่ เมลเบิร์น, บริสเบน, เพิร์ท และแอดิเลด

ออสเตรเลียเป็นสหพันธรัฐซึ่งปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วย 6 รัฐ แล...อ่านต่อ

ออสเตรเลีย (อังกฤษ: Australia) หรือชื่อทางการคือ เครือรัฐออสเตรเลีย (อังกฤษ: Commonwealth of Australia) เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย, เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโลกเมื่อนับพื้นที่ทั้งหมด มีประเทศเพื่อนบ้านประกอบด้วย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และติมอร์-เลสเตทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากรราว 26 ล้านคน ด้วยขนาดพื้นที่ 7,617,930 ตารางกิโลเมตร (2,941,300 ตารางไมล์) มีลักษณะเป็นสังคมเมืองสูงโดยประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นบริเวณชายฝั่งตะวันออก เมืองหลวงของประเทศคือแคนเบอร์รา ในขณะที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดและยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ เมืองที่มีประชากรรองลงมา ได้แก่ เมลเบิร์น, บริสเบน, เพิร์ท และแอดิเลด

ออสเตรเลียเป็นสหพันธรัฐซึ่งปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วย 6 รัฐ และ 10 ดินแดนสหพันธ์ และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประกอบไปด้วยผู้พลัดถิ่นจำนวนมาก โดยคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึงร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด และกว่าครึ่งหนึ่งของพลเมืองออสเตรเลียกำเนิดจากบิดาหรือมารดาซึ่งกำเนิดในต่างประเทศ ทวีปออสเตรเลียเป็นทวีปที่เก่าแก่ที่สุด มีลักษณะแบนราบที่สุด และเป็นทวีปที่แห้งแล้งที่สุดที่มีผู้คนอาศัยอยู่ โดยมีปริมาณของดินอุดมสมบูรณ์ในระดับต่ำ และออสเตรเลียยังเป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีทะเลทรายอยู่ตรงกลาง มีป่าฝนเขตร้อนทางตะวันออกเฉียงเหนือ และทิวเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณทั้งหมดของประเทศยังเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง

ชาวพื้นเมืองออสเตรเลียอาศัยอยู่ในทวีปนี้เมื่อประมาณ 65,000 ปีมาแล้ว ก่อนการมาถึงครั้งแรกของนักสำรวจชาวดัตช์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ซึ่งตั้งชื่อดินแดนนี้ว่านิวฮอลแลนด์ ต่อมา ครึ่งหนึ่งของฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียถูกอ้างว่าเป็นของสหราชอาณาจักรใน ค.ศ. 1770 และเริ่มใช้บริเวณนี้เป็นทัณฑนิคม โดยทำการขนส่งนักโทษมายังนิวเซาธ์เวลส์ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1788 และถือเป็นวันชาติของออสเตรเลียมาถึงปัจจุบัน จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายทศวรรษต่อมา ซึ่งทวีปออสเตรเลียได้ถูกสำรวจและอีกห้าอาณานิคมปกครองตนเองของพระมหากษัตริย์ได้ถูกจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1901 ทั้งหกอาณานิคมถูกตั้งขึ้นเป็นสหพันธ์ รวมตัวกันเป็นเครือรัฐออสเตรเลียตั้งแต่นั้นมา ออสเตรเลียยังคงรักษาระบบการเมืองเสรีนิยมประชาธิปไตยที่มั่นคงที่ทำหน้าที่เป็นรัฐสภาประชาธิปไตยของรัฐบาลกลางและพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ สหพันธ์ประกอบด้วยหกรัฐ และอีกหลายพื้นที่

ออสเตรเลียเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างสูง และเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสิบสามของโลก, มีรายได้ต่อหัวที่สูงที่สุดอันดับสิบของโลก และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ที่สูงเป็นอันดับห้าของโลก ค่าใช้จ่ายทางการทหารของออสเตรเลียมากที่สุดเป็นอันดับสิบสามของโลก ออสเตรเลียยังถูกจัดอยู่ในอันดับที่สูงในด้านคุณภาพชีวิต, สุขภาพ, การศึกษา, เสรีภาพทางเศรษฐกิจ, การปกป้องเสรีภาพของพลเมือง และสิทธิทางการเมือง มีรายได้หลักจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว และ การส่งออก รวมถึงโทรคมนาคม, การธนาคาร, การผลิต และการศึกษาระหว่างประเทศ ออสเตรเลียเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ, กลุ่ม 20, เครือจักรภพแห่งชาติ, สนธิสัญญาแอนซัส, องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา, องค์การการค้าโลก, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก, แปซิฟิกฟอรัม, ประชาคมแปซิฟิก และ อาเซียน+6

More about ประเทศออสเตรเลีย

Basic information
Population, Area & Driving side
  • Population 26473055
  • Area 7692024
  • Driving side left
ประวัติ
  • ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย
     
    แผนที่ประเทศออสเตรเลียที่มีลูกศรเป็นสีต่างๆแสดงเส้นทางของนักสำรวจตอนต้นรอบๆชายฝั่งของออสเตรเลียและเกาะรอบๆ การสำรวจของบริเวณที่แต่ก่อนเรียกว่า New Holland โดยชาวยุโรปจนถึงปี 1812...อ่านต่อ
    ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย
     
    แผนที่ประเทศออสเตรเลียที่มีลูกศรเป็นสีต่างๆแสดงเส้นทางของนักสำรวจตอนต้นรอบๆชายฝั่งของออสเตรเลียและเกาะรอบๆ การสำรวจของบริเวณที่แต่ก่อนเรียกว่า New Holland โดยชาวยุโรปจนถึงปี 1812
      1606 Willem Janszoon
      1606 Luis Váez de Torres
      1616 Dirk Hartog
      1619 Frederick de Houtman
    ≥≥≈≈≈
      1644 Abel Tasman
      1696 Willem de Vlamingh
      1699 William Dampier
      1770 James Cook
      1797–1799 George Bass
      1801–1803 Matthew Flinders
     
    ภาพเขียนของกัปตัน James Cook, ชาวยุโรปคนแรกที่ทำแผนที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียในปี ค.ศ. 1770

    ชนพื้นเมืองในออสเตรเลียก่อนการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป คือชาวอะบอริจิน และชาวเกาะทอร์เรสสเทรต ซึ่งชนเหล่านี้มีภาษาแตกต่างกันนับร้อยภาษา[1] ประมาณการว่า มีชาวอะบอริจินมากกว่า 780,000 คนอยู่ในออสเตรเลียใน พ.ศ. 2331[2]

    การตั้งถิ่นฐาน

    การค้นพบออสเตรเลียของชาวยุโรปครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1606 เป็นเรือของชาวดัตช์ โดยกัปตัน Willem Janszoon ทำแผนที่ชายฝั่งส่วนหนึ่งของออสเตรเลีย ระหว่าง ค.ศ. 1606 ถึง 1770 มีเรือของชาวยุโรปประมาณ 54 ลำจากหลายชาติเดินทางมาที่ออสเตรเลียซึ่งรู้จักในขณะนั้นว่านิวฮอลแลนด์[3] ใน ค.ศ. 1770 เจมส์ คุก เดินทางมาสำรวจออสเตรเลียและทำแผนที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย และได้ประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ให้ชื่อว่านิวเซาท์เวลส์ ต่อมาสหราชอาณาจักรใช้ออสเตรเลียเป็นทัณฑนิคม[3] กองเรือชุดแรกเดินทางมาถึงออสเตรเลียที่อ่าวซิดนีย์ใน ค.ศ. 1787 ในวันที่ 26 มกราคม (ค.ศ. 1788) ซึ่งต่อมาเป็นวันชาติออสเตรเลีย ผู้ตั้งถิ่นฐานยุคแรกส่วนใหญ่เป็นนักโทษและครอบครัวของทหาร โดยมีผู้อพยพเสรีเริ่มเข้ามาใน ค.ศ. 1793 มีการตั้งถิ่นฐานบนเกาะแทสเมเนีย หรือชื่อในขณะนั้นคือฟานไดเมนส์แลนด์ ใน ค.ศ. 1803 และตั้งเป็นอาณานิคมแยกอีกแห่งหนึ่งใน ค.ศ. 1825 สหราชอาณาจักรประกาศสิทธิในฝั่งตะวันตกใน ค.ศ. 1829 และเริ่มมีการตั้งอาณานิคมแยกขึ้นมาอีกหลายแห่ง ได้แก่เซาท์ออสเตรเลีย วิกตอเรีย และควีนส์แลนด์ โดยแยกออกมาจากนิวเซาท์เวลส์ เซาท์ออสเตรเลียไม่เคยเป็นอาณานิคมนักโทษ[3] ในขณะที่วิกตอเรียและเวสเทิร์นออสเตรเลียยอมรับการขนส่งนักโทษภายหลัง[4][5] เรือนักโทษลำสุดท้ายมาถึงนิวเซาท์เวลส์ใน 1848 หลังจากการรณรงค์ยกเลิกโดยกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐาน[6] การขนส่งนักโทษยุติอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2396 ในนิวเซาท์เวลส์และแทสเมเนีย และ ค.ศ. 1868 ในเวสเทิร์นออสเตรเลีย[4]

    ใน ค.ศ. 1851 เอดเวิร์ด ฮาร์กรีฟส์ ค้นพบสายแร่ทอง ในที่ ๆ เขาตั้งชื่อว่าโอฟีร์ (Ophir) ในนิวเซาท์เวลส์ ทำให้เกิดยุคตื่นทอง นำคนจำนวนมากเดินทางมาออสเตรเลีย[7] ใน ค.ศ. 1901 หกอาณานิคมในออสเตรเลียรวมตัวกันเป็นสหพันธรัฐ ในชื่อเครือรัฐออสเตรเลีย (Commonwealth of Australia) ประกอบด้วยรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย รัฐควีนส์แลนด์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และรัฐแทสเมเนีย รวมหกรัฐเข้าอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญหนึ่งเดียว เฟเดอรัลแคพิทัลเทร์ริทอรีก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1911 เป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐ จากส่วนหนึ่งของรัฐนิวเซาท์เวลส์ บริเวณแยส-แคนเบอร์รา และเริ่มดำเนินงานรัฐสภาในแคนเบอร์ราใน ค.ศ. 1927[8] ใน ค.ศ. 1911 นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี แยกตัวออกมาจากเซาท์ออสเตรเลีย และเข้าเป็นดินแดนในกำกับของสหพันธ์ ออสเตรเลียสมัครใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมถึง 60,000 คนจากประชากรชายน้อยกว่าสามล้านคน[1]

    การปกครองตนเอง

    ออสเตรเลียประกาศใช้บทกฎหมายเวสต์มินสเตอร์ ค.ศ. 1931 ใน ค.ศ. 1942 โดยมีผลบังคับใช้ย้อนไปตั้งแต่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939[9] ซึ่งเป็นการยุติบทบาทนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักรในออสเตรเลียเกือบทั้งหมด ในสงครามโลกครั้งที่สอง ออสเตรเลียประกาศสงครามกับเยอรมนีพร้อมกับสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส หลังจากเยอรมนีบุกโปแลนด์[10] ออสเตรเลียส่งทหารเข้าร่วมสมรภูมิในยุโรป เมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกาเหนือ แผ่นดินออสเตรเลียโดนโจมตีโดยตรงครั้งแรกจากการเข้าตีโฉบฉวยทางอากาศของญี่ปุ่นที่ดาร์วิน[11] ออสเตรเลียยุตินโยบายออสเตรเลียขาว โดยดำเนินการขั้นสุดท้ายในปีค.ศ. 1973[12] พระราชบัญญัติออสเตรเลีย ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ยกเลิกบทบาทของสหราชอาณาจักรในอำนาจนิติบัญญัติและตุลาการของออสเตรเลียโดยสิ้นเชิง ใน ค.ศ. 1999 ออสเตรเลียจัดการลงประชามติ ว่าจะให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีแต่งตั้งจากรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งคะแนนเสียงเกือบ 55% ลงคะแนนปฏิเสธ[13]

    ↑ 1.0 1.1 "Ancient heritage, modern society". Department of Foreign Affairs and Trade. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-22. สืบค้นเมื่อ 2007-10-14. (อังกฤษ) "A Brief Aboriginal History". Aboriginal Heritage Office. สืบค้นเมื่อ 2007-10-14. (อังกฤษ) ↑ 3.0 3.1 3.2 "European discovery and the colonisation of Australia". Culture and Recreation Portal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-16. สืบค้นเมื่อ 2007-10-14. (อังกฤษ) ↑ 4.0 4.1 "Convict Records". Public Record office of Victoria. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-12-25. สืบค้นเมื่อ 2007-10-18. (อังกฤษ) "State Records Office of Western Australia". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-15. สืบค้นเมื่อ 2007-10-18. (อังกฤษ) "Australian Bureau of Statistics 1998 Special Article". The State of New South Wales. สืบค้นเมื่อ 2007-10-18. (อังกฤษ) "The Australian Gold Rush". Culture and Recreation Portal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-12. สืบค้นเมื่อ 2007-10-17. (อังกฤษ) "Chronology of the ACT". Canberra & District Historical Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-12. สืบค้นเมื่อ 2007-10-16. (อังกฤษ) "Australia - Statute of Westminster Adoption Act 1942". สืบค้นเมื่อ 2007-10-18. (อังกฤษ) "1939 - 'Australia is at war ...'". ANZAC Day Commemoration Committee. สืบค้นเมื่อ 2007-10-17. (อังกฤษ) "Second World War 1939–45". Australian War Memorial. สืบค้นเมื่อ 2007-10-17. (อังกฤษ) "Abolition of the 'White Australia' Policy". Australian Department of Immigration. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-09-01. สืบค้นเมื่อ 2007-10-17. (อังกฤษ) "1999 Referendum Report and Statistic". Australian Electoral Commission. สืบค้นเมื่อ 2007-10-17. (อังกฤษ)
    Read less

Phrasebook

สวัสดี
Hello
โลก
World
สวัสดีชาวโลก
Hello world
ขอขอบคุณ
Thank you
ลาก่อน
Goodbye
ใช่
Yes
ไม่
No
คุณเป็นอย่างไรบ้าง
How are you?
สบายดีขอบคุณ
Fine, thank you
ราคาเท่าไหร่?
How much is it?
ศูนย์
Zero
หนึ่ง
One

Where can you sleep near ประเทศออสเตรเลีย ?

Booking.com
490.018 visits in total, 9.198 Points of interest, 404 Destinations, 67 visits today.