Context of ประเทศบังกลาเทศ

บังกลาเทศ (เบงกอล: বাংলাদেশ บังลาเทศ) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ (เบงกอล: গণপ্রজাতন্ত্রী বাংলাদেশ) เป็นประเทศในเอเชียใต้ ซึ่งครอบครองเนื้อที่ในส่วนตะวันตกของภูมิภาคเบงกอล มีประชากรราว 165 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับแปดของโลก ด้วยพื้นที่ 148,460 ตารางกิโลเมตร (57,320 ตารางไมล์) บังกลาเทศจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นประชากรมากที่สุดในโลก มีอาณาเขตติดกับอินเดียทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และตะวันตก ติดกับพม่าทางตะวันออกเฉียงใต้ และติดอ่าวเบงกอลทางทิศใต้ เมืองหลวงของประเทศคือธากาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ โดยมีจิตตะกองเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองซึ่งเป็นท่าเรือที่คับคั่งมากที่สุดในอ่าวเบงกอล ภาษาราชการคือภาษาเบงกอลซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน คำว่า "บังกลาเทศ (Bangladesh)" หมายถึง "ประเทศแห่งเบงกอล"

ดินแดนของบังกลาเทศเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเบงกอลก่อนจะแยกตัวออกมาจากการแบ่งแยกอินเดียใน พ.ศ. 2490 ชาวมุส...อ่านต่อ

บังกลาเทศ (เบงกอล: বাংলাদেশ บังลาเทศ) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ (เบงกอล: গণপ্রজাতন্ত্রী বাংলাদেশ) เป็นประเทศในเอเชียใต้ ซึ่งครอบครองเนื้อที่ในส่วนตะวันตกของภูมิภาคเบงกอล มีประชากรราว 165 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับแปดของโลก ด้วยพื้นที่ 148,460 ตารางกิโลเมตร (57,320 ตารางไมล์) บังกลาเทศจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นประชากรมากที่สุดในโลก มีอาณาเขตติดกับอินเดียทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และตะวันตก ติดกับพม่าทางตะวันออกเฉียงใต้ และติดอ่าวเบงกอลทางทิศใต้ เมืองหลวงของประเทศคือธากาซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ โดยมีจิตตะกองเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองซึ่งเป็นท่าเรือที่คับคั่งมากที่สุดในอ่าวเบงกอล ภาษาราชการคือภาษาเบงกอลซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน คำว่า "บังกลาเทศ (Bangladesh)" หมายถึง "ประเทศแห่งเบงกอล"

ดินแดนของบังกลาเทศเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเบงกอลก่อนจะแยกตัวออกมาจากการแบ่งแยกอินเดียใน พ.ศ. 2490 ชาวมุสลิมเบงกาลีเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ แคว้นเบงกอลในอดีตเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของอนุทวีปอินเดีย โดยเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณมากมาย อาทิ วานกา ปันดรา คงคาริได เกาดา และ หริกาลา ราชวงศ์โมริยะ จักรวรรดิคุปตะ จักรวรรดิปาละ ราชวงศ์เสนะ อาณาจักรจันดรา และอาณาจักรเทวา เคยเป็นผู้ปกครองในบริเวณนี้ ก่อนที่การพิชิตเบงกอลของชาวมุสลิมจะเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 1747 เมื่อ มูฮัมหมัด บิน บัคติยาร์ คัลจี แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์กูริดพิชิตดินแดนทางเหนือของเบงกอลตามด้วยการรุกรานทิเบต และดินแดนทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเดลีสุลต่าน นครรัฐสามแห่งถือกำเนิดขึ้นประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 14 ผู้นำแห่งลัทธิศูฟี ได้แก่ สุลต่าน บาลคี, ชาห์ จาลาล และชาห์ มัคดัม รูโปส มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาและวัฒนธรรมของชาวมุสลิม ต่อมา ดินแดนส่วนใหญ่รวมตัวกันเป็นอาณาจักรสุลต่านแห่งเบงกอล ในศตวรรษที่ 14 ถึง 16 ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโมกุล รัฐเบงกอลตะวันออกเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องโดยเป็นศูนย์กลางของชาวมุสลิมบริเวณอนุทวีป และดึงดูดพ่อค้าจากทั่วโลก ในช่วงเวลานี้ ชนชั้นสูงชาวเบงกาลีถือเป็นหนึ่งในกลุ่มสังคมที่มีฐานะมั่งคั่งที่สุดในโลกจากการมีพันธมิตรทางการค้าจำนวนมาก รายได้หลักมาจากการค้าผ้าทอมัสลินที่มีชื่อเสียง อาณาจักรยังเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องในช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมาใน พ.ศ. 2300 การทรยศของ มีร์ จาฟาร์ นำไปสู่การสิ้นอำนาจของ ศรีรัช อุดดอลา สหราชอาณาจักรในนามบริษัทอินเดียตะวันออกเข้ามาเรืองอำนาจในภูมิภาคเอเชียใต้ ภูมิภาคเบงกอลกลายเป็นหน่วยการปกครองที่ใหญ่ที่สุดในเขตปกครองและมณฑลของบริติชอินเดีย การก่อตั้งรัฐเบงกอลตะวันออกและรัฐอัสสัมใน พ.ศ. 2448 เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งประเทศ และในปี 2483 นายกรัฐมนตรีคนแรกแห่งรัฐเบงกอลได้สนับสนุน มติละฮอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม "มติแห่งปากีสถาน" ด้วยปณิธานในการสร้างรัฐบริเวณตะวันออกของภูมิภาคเอเชียใต้ นายกรัฐมนตรีแห่งเบงกอลยังได้เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐอธิปไตยของชาวเบงกาลี ก่อนจะมีการแบ่งแยกดินแดน การลงประชามติและการแบ่งแยกดินแดนโดยอิงเส้นแรดคลิฟฟ์ได้กำหนดเขตแดนของบังกลาเทศในปัจจุบัน

ในปี 2490 เบงกอลตะวันออกกลายเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของปากีสถานในเครือจักรภพ ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นปากีสถานตะวันออกโดยมีธากาเป็นเมืองหลวง เหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ ขบวนการภาษาเบงกาลีปี 2495, การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติของเบงกาลีตะวันออกปี 2497, การรัฐประหารของปากีสถานปี 2501, การเคลื่อนไหวหกจุดในปี 2509 และการเลือกตั้งทั่วไปของปากีสถานในปี 2513 ส่งผลให้ลัทธิชาตินิยมเบงกาลีและขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นในปากีสถานตะวันออก การปฏิเสธการถ่ายโอนอำนาจของรัฐบาลเผด็จการไปยังสันนิบาตอวามีซึ่งนำโดย ชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน นำไปสู่สงครามปลดปล่อยบังกลาเทศในปี 2514 และจบลงด้วยชัยชนะของขบวนการปฏิวัติซึ่งได้รับความช่วยเหลือทางอาวุธจากอินเดีย ทว่าความขัดแย้งยังทวีความรุนแรงต่อเนื่องนำไปสู่พันธุฆาตครั้งใหญ่ และการสังหารหมู่พลเรือนเบงกาลี รัฐใหม่ของบังกลาเทศกลายสภาพเป็นรัฐโลกวิสัยแห่งแรกในเอเชียใต้ตามรัฐธรรมนูญในปี 2515 ศาสนาอิสลามได้รับการประกาศให้เป็นศาสนาประจำชาติในปี 2531

บังกลาเทศเป็นประเทศอำนาจปานกลางในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียใต้ และมีกองทัพที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในภูมิภาคและอันดับแปดของโลก จากการมีบทบาทสำคัญในการร่วมรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ บังกลาเทศยังมีกองกำลังกึ่งทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากเป็นอันดับสามของโลก บังกลาเทศเป็นรัฐเดี่ยวด้วยระบบรัฐสภา และปกครองแบบสาธารณรัฐโดยอิงตามระบบเวสต์มินสเตอร์ ชาวเบงกอลเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศโดยคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึงร้อยละ 99 ประเทศประกอบไปด้วย 8 ภาค 64 อำเภอ และ 495 ตำบล และถือเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยของผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกสืบเนื่องจากการกวาดล้างชาวโรฮีนจา ปัญหาสำคัญในปัจจุบันคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้รัฐบาลมีบทบาทในการเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และยังเป็นสมาชิกของบิมสเทค รวมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมเอเชียใต้เพื่อความร่วมมือระดับภูมิภาค และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในองค์การความร่วมมืออิสลาม และเครือจักรภพแห่งประชาชาติ

More about ประเทศบังกลาเทศ

Basic information
  • Calling code +880
  • Internet domain .bd
  • Mains voltage 220V/50Hz
  • Democracy index 5.99
Population, Area & Driving side
  • Population 169356251
  • Area 147570
  • Driving side left
ประวัติ
  •  
    รูปปั้นพระพุทธรูปสมัยศตวรรษที่ 11
     
    ปาฮาร์ปัวร์

    ดินแดนที่เป็นประเทศบังกลาเทศในปัจจุบันมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,000 ปี เดิมเป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป (อินเดีย) เคยเป็นดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนามาก่อน ต่อมาพ่อค้าชาวอาหรับได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแผ่ จนชาวบังกลาเทศส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมาจนถึงทุกวันนี้

    ในปี พ.ศ. 2300 อังกฤษได้เข้าไปยึดครองชมพูทวีป และดินแดนแห่งนี้ได้ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษเกือบ 200 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ดินแดนแถบนี้ได้รับเอกราช แต่บังกลาเทศก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของปากีสถาน เรียกกันว่าปากีสถานตะวันออก

    ต่อมาชาวเบงกอลในปากีสถานตะวันออก ไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งอยู่ในปากีสถานตะวันตก เนื่องจากถูกแสวงหาประโยชน์และได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ซึ่งสร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างปากีสถานตะวันตกและปากีสถานตะวันออก นอกจากนี้ปากีสถานทั้งสองยังมีความแตกต่างด้านภาษา วัฒนธรรม และเชื้อชาติอีกด้วย ชาวเบงกอลจึงจัดตั้งสันนิบาตอวามีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492 เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวเบงกอล โดยมีนายชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน เป็นหัวหน้า

    ...อ่านต่อ
     
    รูปปั้นพระพุทธรูปสมัยศตวรรษที่ 11
     
    ปาฮาร์ปัวร์

    ดินแดนที่เป็นประเทศบังกลาเทศในปัจจุบันมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,000 ปี เดิมเป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป (อินเดีย) เคยเป็นดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนามาก่อน ต่อมาพ่อค้าชาวอาหรับได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแผ่ จนชาวบังกลาเทศส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมาจนถึงทุกวันนี้

    ในปี พ.ศ. 2300 อังกฤษได้เข้าไปยึดครองชมพูทวีป และดินแดนแห่งนี้ได้ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษเกือบ 200 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 ดินแดนแถบนี้ได้รับเอกราช แต่บังกลาเทศก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของปากีสถาน เรียกกันว่าปากีสถานตะวันออก

    ต่อมาชาวเบงกอลในปากีสถานตะวันออก ไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งอยู่ในปากีสถานตะวันตก เนื่องจากถูกแสวงหาประโยชน์และได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ซึ่งสร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างปากีสถานตะวันตกและปากีสถานตะวันออก นอกจากนี้ปากีสถานทั้งสองยังมีความแตกต่างด้านภาษา วัฒนธรรม และเชื้อชาติอีกด้วย ชาวเบงกอลจึงจัดตั้งสันนิบาตอวามีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492 เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวเบงกอล โดยมีนายชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน เป็นหัวหน้า

    เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2514 ปากีสถานตะวันออกได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช ภายใต้ชื่อ สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ทำให้ปากีสถานตะวันตกส่งกองกำลังทหารเข้าปราบปราม อินเดียได้ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือปากีสถานตะวันออก ในที่สุดฝ่ายปากีสถานตะวันตกพ่ายแพ้ในการรบ และยินยอมให้เอกราชแก่บังกลาเทศ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2514

    ในระยะแรก บังกลาเทศปกครองโดยระบอบประธานาธิบดี มีนายชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน หัวหน้าสันนิบาตอวามีเป็นประมุขของรัฐและฝ่ายบริหารคนแรก (Father of the Nation) ประธานาธิบดี นายชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2518 โดยฝีมือนายทหารกลุ่มหนึ่ง การปกครองในระยะแรกนี้ มีการก่อรัฐประหารหลายครั้ง และลอบสังหารประธานาธิบดีจนเสียชีวิตหลายคน สถานการณ์ทางการเมืองของบังกลาเทศตกอยู่ในสภาวะระส่ำระสาย และเป็นการปกครองโดยผู้นำทางทหารตลอดมากว่า 20 ปี และพลโท Hussain Mohammad Ershad ประธานาธิบดี (ดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2525 – 2533) ได้ถูกฝ่ายค้านกดดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อถ่ายโอนอำนาจการบริหารจากประธานาธิบดีไปให้นายกรัฐมนตรี พลโท Ershad ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2533 และถูกจำคุกในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง

    ในปี พ.ศ. 2533 บังกลาเทศได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเป็นครั้งแรก โดยผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรค Bangladesh Nationalist Party (BNP) นำโดยนาง Khaleda Zia ได้รับชัยชนะ และเมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งในปี พ.ศ. 2535 นาง Zia ก็ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหนึ่ง และเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2539 ประธานาธิบดีบังกลาเทศได้ประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ภายหลังความวุ่นวายจากการประท้วงของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งประกอบด้วยสันนิบาตอวามี (AL), พรรค Jatiya Party (JP), และพรรค Jamaat-e-Islami (JI) ที่ต้องการให้นาง Khaleda Zia นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค Bangladesh Nationalist Party (BNP) ลาออก ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคฝ่ายค้านได้รับชัยชนะและนาง Sheikh Hasina หัวหน้าพรรค AL (บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีชีค มูจิบูร์ เราะห์มาน) ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายใต้รัฐบาลผสมครั้งแรกของบังกลาเทศ ระหว่างพรรค AL และพรรค JP ที่มีพลโท Ershad อดีตประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าพรรค และได้ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนายรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2539 แต่ต่อมาในเดือนกันยายน 2540 พรรค JP ได้ถอนตัวออกจากรัฐบาล และเข้าเป็นแนวร่วมฝ่ายค้านกับพรรค BNP

    ตามรัฐธรรมนูญของบังกลาเทศ คณะรัฐมนตรีจะอยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี ดังนั้น ในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 รัฐบาลของนาง Sheikh Hasina จึงได้หมดวาระลง และเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ประธานาธิบดี Shahabuddin Ahmed ได้ประกาศยุบสภาตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี และเมี่อวันที่ 15 กรกฎาคม ปีเดียวกัน รัฐบาลของนาง Sheikh Hasina ได้ถ่ายโอนอำนาจไปยังรัฐบาลรักษาการที่จะต้องมีหน้าที่ จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 90 วัน และในการนี้ประธานาธิบดี Shahabuddin Ahmed ได้แต่งตั้ง Justice Latifur Rahman อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาให้ดำรงตำแหน่ง Chief Advisor ของรัฐบาลรักษาการ หรือเทียบเท่านายกรัฐมนตรี และนาย Latifur Rahman ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันเดียวกัน นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Shahabuddin Ahmed ได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา (Council of Advisors) จำนวน 10 คน ตามคำแนะนำของนาย Latifur Rahman เพื่อปฏิบัติหน้าที่เทียบเท่ารัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ซึ่งคณะที่ปรึกษาดังกล่าวได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 16 กรกฎาคม ปีเดียวกัน

    Read less

Where can you sleep near ประเทศบังกลาเทศ ?

Booking.com
490.133 visits in total, 9.198 Points of interest, 404 Destinations, 8 visits today.