Atəşgah (Bakı)
( อาเตชกาห์แห่งบากู )บากูอาเตชกาห์ (Baku Ateshgah จาก เปอร์เซีย: آتشگاه, Ātashgāh ออแทชกอฮ์, อาเซอร์ไบจาน: Atəşgah) หรือที่นิยมเรียกว่า "วิหารไฟแห่งบากู" (Fire Temple of Baku) เป็นศาสนสถานโบราณในเมืองซูราฮานี (Surakhani town), อำเภอซูราฮานี, บากู, ประเทศอาเซอร์ไบจาน
จากจารึกภาษาเปอร์เซียและอินเดียที่ปรากฏระบุว่าศาสนสถานนี้เคยถูกใช้ในศาสนาฮินดูและศาสนาโซโรอัสเตอร์ คำว่า "อาตัช" (آتش Ātash) เป็นภาษาเปอร์เซียแปลว่า ไฟ หมู่อาคารภายในเป็นรูปห้าเหลี่ยม มีโถงกลางรายล้อมด้วยห้องย่อยสำหรับนักบวช และมี แท่นบูชาสี่เสาอยู่ตรงกลาง สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 17 ถึง 18 และถูกทิ้งร้างในปลายศตวรรษที่ 19 อาจด้วยประชากรชาวอินเดียในพื้นที่ที่ลดลง ไฟนิรันดร์กาลที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของวิหารไฟนี้ได้มอดดับไปในปี 1969 หลังจากการโชดช่วงชัชวาลนับศตวรรษจากปิโตรเลียมและแก๊สธรรมชาติในพื้นที่ ไฟใหม่ที่จุดในปัจจุบันนั้นได้มาจากการต่อท่อแก๊สมาจากเมืองใกล้เคียงแทน
วิหารไฟนี้เคยได้รับการเสนอชื่อเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1998 โดย Gulnara Mehmandarova ในวันที่ 1...อ่านต่อ
บากูอาเตชกาห์ (Baku Ateshgah จาก เปอร์เซีย: آتشگاه, Ātashgāh ออแทชกอฮ์, อาเซอร์ไบจาน: Atəşgah) หรือที่นิยมเรียกว่า "วิหารไฟแห่งบากู" (Fire Temple of Baku) เป็นศาสนสถานโบราณในเมืองซูราฮานี (Surakhani town), อำเภอซูราฮานี, บากู, ประเทศอาเซอร์ไบจาน
จากจารึกภาษาเปอร์เซียและอินเดียที่ปรากฏระบุว่าศาสนสถานนี้เคยถูกใช้ในศาสนาฮินดูและศาสนาโซโรอัสเตอร์ คำว่า "อาตัช" (آتش Ātash) เป็นภาษาเปอร์เซียแปลว่า ไฟ หมู่อาคารภายในเป็นรูปห้าเหลี่ยม มีโถงกลางรายล้อมด้วยห้องย่อยสำหรับนักบวช และมี แท่นบูชาสี่เสาอยู่ตรงกลาง สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 17 ถึง 18 และถูกทิ้งร้างในปลายศตวรรษที่ 19 อาจด้วยประชากรชาวอินเดียในพื้นที่ที่ลดลง ไฟนิรันดร์กาลที่เกิดขึ้นในธรรมชาติของวิหารไฟนี้ได้มอดดับไปในปี 1969 หลังจากการโชดช่วงชัชวาลนับศตวรรษจากปิโตรเลียมและแก๊สธรรมชาติในพื้นที่ ไฟใหม่ที่จุดในปัจจุบันนั้นได้มาจากการต่อท่อแก๊สมาจากเมืองใกล้เคียงแทน
วิหารไฟนี้เคยได้รับการเสนอชื่อเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1998 โดย Gulnara Mehmandarova ในวันที่ 19 ธันวาคม 2007 วิหารไฟนี้ได้รับสถานะเป็นแหล่งอนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมภายใต้รัฐกำหนดของประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน
แสดงความเห็น