รัฐมหาราษฏระ

Ricardo Martins - CC BY 2.0 Udaykumar PR - CC BY 3.0 Dinesh Valke from Thane, India - CC BY-SA 2.0 Abdulmulla official - CC BY-SA 4.0 Photo Dharma from Sadao, Thailand - CC BY 2.0 Abdulmulla official - CC BY-SA 4.0 Dinesh Valke from Thane, India - CC BY-SA 2.0 Amit Jha - CC BY-SA 4.0 Kevin Standage ([email protected]) INDIAN TRAVEL PHOTOGRAPHY - CC BY-SA 2.0 Elroy Serrao - CC BY-SA 2.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 Abdulmulla official - CC BY-SA 4.0 Dinesh Valke from Thane, India - CC BY-SA 2.0 Gaurhav H. Atri - CC BY-SA 2.0 Kevin Standage ([email protected]) INDIAN TRAVEL PHOTOGRAPHY - CC BY-SA 2.0 Vishnubullet123 - CC BY-SA 4.0 Dinesh Valke from Thane, India - CC BY-SA 2.0 Karthik Easvur - CC BY-SA 4.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 Shraddha Maheshwari - CC BY-SA 4.0 Kautuk1 - CC BY-SA 4.0 Elroy Serrao - CC BY-SA 2.0 Gaurhav H. Atri - CC BY-SA 2.0 Davidvraju - CC BY-SA 4.0 Gaurhav H. Atri - CC BY-SA 2.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 Gaurhav H. Atri - CC BY-SA 2.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 Ccmarathe - CC BY-SA 4.0 PKharote - CC BY-SA 4.0 Niteshsavane143 - CC BY-SA 4.0 Karthik Easvur - CC BY-SA 4.0 Gaurhav H. Atri - CC BY-SA 2.0 PKharote - CC BY-SA 4.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 Elroy Serrao - CC BY-SA 2.0 Neeraj Rane - CC BY-SA 4.0 Dinesh Valke from Thane, India - CC BY-SA 2.0 Dinesh Valke from Thane, India - CC BY-SA 2.0 Vivek Ganesan - CC BY-SA 4.0 Ramveeturi - CC BY-SA 3.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 rohit gowaikar - CC BY-SA 2.0 Mangesh R Pawar - CC BY-SA 4.0 Pramyabala - CC BY-SA 4.0 Elroy Serrao - CC BY-SA 2.0 No images

Context of รัฐมหาราษฏระ

มหาราษฏระเป็นรัฐทางตะวันตกของประเทศอินเดีย มีพื้นที่อยู่บนบางส่วนของที่ราบสูงเดกกัน เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ และพื้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศ คิดเป็นพื้นที่ 307,713 km2 (118,809 sq mi) มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกติดกับทะเลอาหรับ ทิศใต้ติดกับรัฐกัวและรัฐกรณาฏกะ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับรัฐเตลังคานา ทิศตะวันออกติดกับรัฐฉัตตีสครห์ ทิศเหนือติดกับรัฐคุชราตและรัฐมัธยประเทศ และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับดินแดนสหภาพดาดราและนครหเวลี และดามันและดีอู นอกจากนี้ รัฐมหาราษฏระจัดเป็นหน่วยการปกครองระดับที่หนึ่งที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก

รัฐมหาราษฏระก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1960 เกิดจากการรวมกันของพื้นที่บางส่วนของรัฐบอมเบย์ (Bombay State), มณฑลเบราร (Berar Division), วิทรภา (Vidarbha), บางส่วนของรัฐไฮเดอราบาด (Hyderabad State) และบางส่วนที่แยกออกมาจากรัฐเสาราษฏระ (Saurashtra State) ตามรัฐบัญญัติการจัดระเบียบรัฐ ค.ศ. 1956 (States Reorganisation Act, 1956) รัฐมหาราษฏระมีประชากรกว่า 112 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 18.4 ล้านคนอา...อ่านต่อ

มหาราษฏระเป็นรัฐทางตะวันตกของประเทศอินเดีย มีพื้นที่อยู่บนบางส่วนของที่ราบสูงเดกกัน เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ และพื้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศ คิดเป็นพื้นที่ 307,713 km2 (118,809 sq mi) มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกติดกับทะเลอาหรับ ทิศใต้ติดกับรัฐกัวและรัฐกรณาฏกะ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับรัฐเตลังคานา ทิศตะวันออกติดกับรัฐฉัตตีสครห์ ทิศเหนือติดกับรัฐคุชราตและรัฐมัธยประเทศ และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับดินแดนสหภาพดาดราและนครหเวลี และดามันและดีอู นอกจากนี้ รัฐมหาราษฏระจัดเป็นหน่วยการปกครองระดับที่หนึ่งที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก

รัฐมหาราษฏระก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1960 เกิดจากการรวมกันของพื้นที่บางส่วนของรัฐบอมเบย์ (Bombay State), มณฑลเบราร (Berar Division), วิทรภา (Vidarbha), บางส่วนของรัฐไฮเดอราบาด (Hyderabad State) และบางส่วนที่แยกออกมาจากรัฐเสาราษฏระ (Saurashtra State) ตามรัฐบัญญัติการจัดระเบียบรัฐ ค.ศ. 1956 (States Reorganisation Act, 1956) รัฐมหาราษฏระมีประชากรกว่า 112 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 18.4 ล้านคนอาศัยอยู่ในมุมไบ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ ทำให้มุมไบเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในอินเดีย เมืองที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ นาคปุระ ซึ่งเป็นเมืองที่จัดสมัยประชุมภาคฤดูหนาวของสภานิติบัญญัติแห่งรัฐมหาราษฏระ ปุเณ เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ออกซฟอร์ดแห่งโลกตะวันออก" ด้วยสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในเมือง และนาศิก เป็นเมืองที่มีฉายาว่า "เมืองหลวงไวน์แห่งอินเดีย" เนื่องจากมีไร่องุ่นและโรงกลั่นเหล้าองุ่นตั้งอยู่ที่เมืองนี้เป็นจำนวนมาก

แม่น้ำหลักสองสายของรัฐคือแม่น้ำโคทาวรีและแม่น้ำกฤษณา และมีแม่น้ำนรรมทากับแม่น้ำตาปตีไหลผ่านตรงรอยต่อกับรัฐมัธยประเทศและรัฐคุชราต รัฐมหาราษฏระถือเป็นรัฐที่เกิดการนคราภิวัฒน์ (Urbanisation) สูงเป็นอันดับสามในอินเดีย ก่อนประเทศอินเดียจะถูกยึดครองโดยอังกฤษ บริเวณรัฐมหาราษฏระเคยปกครองโดยจักรวรรดิสาตวาหนะ จักรวรรดิราษฏรกุตะ จลุกยะตะวันตก รัฐสุลต่านเดกกัน จักรวรรดิโมกุล และจักรวรรดิมราฐา ก่อนจะถูกปกครองโดยบริติชราชในที่สุด โบราณสถาน อนุสาวรีย์ สุสาน ป้อมปราการ และศาสนสถานต่าง ๆ ที่สร้างโดยจักรววรดิและความเชื่อที่แตกต่างกันจึงสามารถพบได้จำนวนมากในบริเวณนี้ในปัจจุบัน ในจำนวนนั้นประกอบด้วยแหล่งมรดกโลก ถ้ำอชันตาและถ้ำเอลโลรา ป้อมปราการจำนวนมากที่สร้างขึ้นโดยยจักรพรรดิศิวาจี

รัฐมหาราษฏระเป็นรัฐที่มั่งคั่งที่สุดในอินเดียในทุกตัวแปรการประเมิน และยังเป็นรัฐที่เกิดการกลายเป็นอุตสาหกรรม (Industrialisation) มากที่สุดในอินเดีย จีดีพีกว่า 15% ของประเทศอินเดียมาจากรัฐมหาราษฏระ ทำให้รัฐมหาราษฏระเป็นหนึ่งในรัฐที่มีส่วนสำคัญที่สุดรัฐหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย รัฐมหาราษฏระผลิตอุตสาหกรรม 17% ของผลผลิตทางอุตสาหกรรมทั้งประเทศ และผลิต 16% ของผลิตภัณฑ์ทางบริการทั้งประเทศอินเดีย

More about รัฐมหาราษฏระ

Population, Area & Driving side
  • Population 112374333
  • Area 307713
ประวัติ
  • ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์มหาราษฏระ และ จักรวรรดิมราฐา
    ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

    หลักฐานการตั้งถิ่นฐานจากยุคทองแดง ของวัฒนธรรมจอร์เว (Jorwe culture) (1300–700 ก่อนคริสตกาล) นั้นพบไปทั่วทั้งรัฐมหาราษฏระ[1][2]

    ...อ่านต่อ
    ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์มหาราษฏระ และ จักรวรรดิมราฐา
    ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

    หลักฐานการตั้งถิ่นฐานจากยุคทองแดง ของวัฒนธรรมจอร์เว (Jorwe culture) (1300–700 ก่อนคริสตกาล) นั้นพบไปทั่วทั้งรัฐมหาราษฏระ[1][2]

    มหาราษฏระตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเมารยะ ในคริสต์ศตวรรษสามถึงสี่ร้อยปีก่อนคริสตกาล ต่อมา 230 ปีก่อนคริสตกาล รัฐมหาราษฏระได้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิสาตวาหนะ เป็นเวลากว่า 400 ปี[3] จักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดินี้คือ โคตมิปุตระ สาตกรณี (Gautamiputra Satakarni) ในปี ค.ศ. 90 [4] บุตรของพระเจ้าสาตกรณี (Satakarni) ผู้ทรงเป็น "จ้าวแห่งทักษิณาปถา (Lord of Dakshinapatha), ผู้ทรงจักรที่ไม่อาจหยุดยั้งได้แห่งเอกราช (wielder of the unchecked wheel of Sovereignty)" ตั้งเมืองจุนนาร์ (Junnar) ซึ่งตั้งอยู่ 30 ไมล์ทางตอนเหนือของปุเณในปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร ต่อมารัฐมหาราษฏระยังเคยอยู่ภายใต้การปกครองของทั้ง Western Satraps, จักรวรรดิคุปตะ, Gurjara-Pratihara, วากาฏกะ (Vakataka), Kadambas, จักรวรรดิจาลุกยะ, Rashtrakuta Dynasty, และจาลุกยะตะวันตก ก่อท่ในที่สุดจะถูกปกครองภายใต้Yadava ถ้ำอชันตา ในอำเภอออรังคาบาดแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากศิลปะแบบสาตวาหนะและวากาฏกะ เป็นไปได้ว่าการเจาะถ้ำน่าจะเริ่มต้นในยุคนี้[5]

    จักรวรรดิจาลุกยะได้ปกครองบริเวณนี้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่หกถึงแปด โดยมีกษัตริย์องค์สำคัญสองพระองค์คือ Pulakeshin II ผู้เอาชนะกษัตริย์จากอินเดียเหนือ Harsha และ Vikramaditya II ผู้ปราบผู้รุกรานชาวอาหรับในศควรรษที่แปด จักรวรรดิ Rashtrakuta ปกครองพื้นที่ต่อในศตวรรษที่แปดถึงสิบ[6] นักเดินทางชาวอาหรับนามว่า Sulaiman al Mahri เล่าถึงผู้ปกครองของจักรวรรดิ Rashtrakuta พระนามว่า Amoghavarsha เป็น "หนึ่งในสี่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก"[7]

    Upinder Singh (2008), A History of Ancient and Early Medieval India: From the Stone Age to the 12th Century เก็บถาวร 20 ธันวาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, p.232 P. K. Basant (2012), The City and the Country in Early India: A Study of Malwa เก็บถาวร 28 มีนาคม 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, pp.92–96 India Today: An Encyclopedia of Life in the Republic: p.440 จารึกเวทิศรี (Vedishri) ที่นะเนฆัต (Naneghat) ระบุว่าพระเจ้าเวทิศรี (Vedishri) ทรงเป็นกษัตริย์ผู้กล้าหาญ และเป็นเจ้าแห่งทักษิณปถา (Dakshinapatha) หรือเดกกัน Mirashi, Studies in Indology, vol. I, p. 76 f. Ali Javid (January 2008). World Heritage Monuments and Related Edifices in India. Algora Publishing. p. 101. ISBN 978-0-87586-484-6. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2016. สืบค้นเมื่อ 15 November 2015. Indian History – page B-57 A Comprehensive History of Ancient India (3 Vol. Set): p.203
    Read less

Where can you sleep near รัฐมหาราษฏระ ?

Booking.com
489.164 visits in total, 9.196 Points of interest, 404 Destinations, 1 visits today.