Context of ประเทศเช็กเกีย

สาธารณรัฐเช็ก (อังกฤษ: Czech Republic; เช็ก: Česká republika) หรือที่รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า เช็กเกีย (อังกฤษ: Czechia; เช็ก: Česko, ออกเสียง: [ˈtʃɛsko] ( ฟังเสียง)) ในอดีตมีชื่อว่า โบฮีเมีย (Bohemia) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลาง โดยมีพรมแดนทางตอนเหนือจรดประเทศโปแลนด์ ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือจรดเยอรมนี ทางใต้จรดออสเตรีย และทางตะวันออกจรดสโลวาเกีย เช็กเกียมีภูมิประเทศเป็นเนินเขาที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 78,871 ตารางกิโลเมตร (30,452 ตารางไมล์) โดยมีภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีปและภาคพื้นสมุทร

ดัชชีโบฮีเมียถูกก่อตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ภายใต้ดินแดนของมาราเวียใหญ่ ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นรัฐของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1002 และได้กลายเป็นราชอาณาจักรใน ค.ศ. 1198 ภายหลังยุทธการโมฮาชใน ค.ศ. 1526 ดินแ...อ่านต่อ

สาธารณรัฐเช็ก (อังกฤษ: Czech Republic; เช็ก: Česká republika) หรือที่รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า เช็กเกีย (อังกฤษ: Czechia; เช็ก: Česko, ออกเสียง: [ˈtʃɛsko] ( ฟังเสียง)) ในอดีตมีชื่อว่า โบฮีเมีย (Bohemia) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล อยู่ในภูมิภาคยุโรปกลาง โดยมีพรมแดนทางตอนเหนือจรดประเทศโปแลนด์ ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือจรดเยอรมนี ทางใต้จรดออสเตรีย และทางตะวันออกจรดสโลวาเกีย เช็กเกียมีภูมิประเทศเป็นเนินเขาที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 78,871 ตารางกิโลเมตร (30,452 ตารางไมล์) โดยมีภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีปและภาคพื้นสมุทร

ดัชชีโบฮีเมียถูกก่อตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ภายใต้ดินแดนของมาราเวียใหญ่ ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นรัฐของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1002 และได้กลายเป็นราชอาณาจักรใน ค.ศ. 1198 ภายหลังยุทธการโมฮาชใน ค.ศ. 1526 ดินแดนของราชบังลังก์โบฮีเมียทั้งหมดก็ค่อย ๆ รวมเข้ากับราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค กบฎของชาวโบฮีเมียที่นับถือนิกายโปรเตสแตนด์ ก็นำไปสู่สงครามสามสิบปี หลังยุทธการไวท์เมาท์เทน ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คก็ได้รวมการปกครองของโบฮีเมีย ด้วยการยุบจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 1806 ดินแดนราชบัลลังก์โบฮีเมียก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย

ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ดินแดนของเช็กเกียก็ได้กลายเป็นดินแดนที่มีความเป็นอุตสาหกรรมมากขึ้น และใน ค.ศ. 1918 ดินแดนส่วนใหญ่ของเช็กเกียก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเชโกสโลวักที่หนึ่ง ภายหลังการล่มสลายของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เชโกสลาวาเกียเป็นประเทศเดียวในยุโรปกลางและตะวันออกที่ใช้การปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาตลอดสมัยระหว่างสงคราม ภายหลังข้อตกลงมิวนิกใน ค.ศ. 1938 นาซีเยอรมนีก็เข้าไปควบคุมดินแดนเช็กเกียอย่างเป็นระบบ เชโกสโวาเกียได้รับการฟื้นฟูใน ค.ศ. 1945 และได้กลายเป็นรัฐคอมมิวนิสต์ในกลุ่มตะวันออก ภายหลังการรัฐประหารเมื่อ ค.ศ. 1948 ความพยายามที่จะเปิดนโยบายเสรีของรัฐบาลและเศรษฐกิจ ถูกปราบปรามโดยการรุกรานประเทศที่นำโดยสหภาพโซเวียต ในช่วงปรากสปริงใน ค.ศ. 1968 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 การปฏิวัติกำมะหยี่ได้ยุติการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ภายในประเทศเชโกสลาวาเกีย และในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1993 เชโกสโวาเกียถูกยุบเลิก โดยรัฐองค์ประกอบของเชโกสโลวาเกียได้กลายเป็นรัฐเอกราชเช็กเกียและสโลวาเกีย

เช็กเกียเป็นสาธารณรัฐแบบรัฐสภารัฐเดี่ยว และถือเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่มีตลาดทางเศรษฐกิจเพื่อสังคมที่ก้าวหน้าและมีรายได้สูง เป็นรัฐสวัสดิการที่มีแบบอย่างทางสังคมของยุโรป การดูแลสุขภาพแบบถ้วนหน้า และการศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน โดยอยู่ในอันดับที่ 12 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์ซึ่งปรับตัวเลขความไม่เท่าเทียมกันในสังคมแล้วของสหประชาชาติ และอยู่ในอันดับที่ 14 ของดัชนีทุนของมนุษย์โดยธนาคารโลก นำหน้าประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยและสงบสุขที่สุดเป็นอันดับที่ 11 และอยู่ในอันดับที่ 31 ของดัชนีการปกครองแบบประชาธิปไตย เช็กเกียเป็นสมาชิกของเนโท, สหภาพยุโรป, องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป และสภายุโรป

More about ประเทศเช็กเกีย

Basic information
Population, Area & Driving side
  • Population 2000000
  • Area 78866
  • Driving side right
ประวัติ
  • ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เช็กเกีย
    กลุ่มรัฐสลาฟ

    ดินแดนของเช็กเกียในปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราว 2,000 ปี นับตั้งแต่เมื่อชนเผ่าสลาวอนิก (Slavonic Tribes) หรือชนเผ่าสลาฟ ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานแคว้นโบฮีเมียได้พัฒนาเป็นรัฐอิสระเป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 9 แต่ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชนเผ่าเยอรมันได้อพยพเข้ามายึดดินแดนเช็กในปัจจุบันเป็นอาณานิคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างวัฒนธรรมเช็กให้มีทั้งลักษณะของชนเผ่าเยอรมันและชนเผ่าสลาฟ กรุงปรากจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย อาทิ โรมาเนสก์ กอทิก สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา บาโรก รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่าง ๆ ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของเช็กเกียได้อย่างดี ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน จนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์ฮับสบูร์ก (ราวศตวรรษที่ 15-18) และองค์การยูเนสโก ได้เลือกให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ เช็กยังมีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านการผลิตเบียร์ โดยเฉพาะที่เมืองเปิลเซน (Plzen)

    กรุงปรากเป็นเมืองที่สำคัญในยุโรปตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันและยุคกลางของยุโรป จักรพรรดิคาร์ลที่ 4แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยชาลส์ (Charles University) ขึ้นที่กรุงปรากซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก ในช่วงยุคกลาง เช็กเกียอยู่ภายใต้การปกครองของคริสตจักรเช่นเดียวกับดินแดนอื่น ๆ ในยุโรป จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1526 เช็กเกียจึงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ฮับสบูร์ก ในศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการฟื้นฟูความตระหนักถึงชนชาติ ซึ่งถึงจุดสูงสุดในปี ค.ศ. 1848 เมื่อกรุงปรากเป็นเมืองแรกในอาณาจักรฮับสบูร์กที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูป และต้องการแยกตัวเป็นรัฐอิสระ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

    ...อ่านต่อ
    ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เช็กเกีย
    กลุ่มรัฐสลาฟ

    ดินแดนของเช็กเกียในปัจจุบัน มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราว 2,000 ปี นับตั้งแต่เมื่อชนเผ่าสลาวอนิก (Slavonic Tribes) หรือชนเผ่าสลาฟ ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานแคว้นโบฮีเมียได้พัฒนาเป็นรัฐอิสระเป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 9 แต่ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชนเผ่าเยอรมันได้อพยพเข้ามายึดดินแดนเช็กในปัจจุบันเป็นอาณานิคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างวัฒนธรรมเช็กให้มีทั้งลักษณะของชนเผ่าเยอรมันและชนเผ่าสลาฟ กรุงปรากจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย อาทิ โรมาเนสก์ กอทิก สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา บาโรก รวมทั้งศิลปะรูปแบบต่าง ๆ ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของเช็กเกียได้อย่างดี ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน จนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์ฮับสบูร์ก (ราวศตวรรษที่ 15-18) และองค์การยูเนสโก ได้เลือกให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ เช็กยังมีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านการผลิตเบียร์ โดยเฉพาะที่เมืองเปิลเซน (Plzen)

    กรุงปรากเป็นเมืองที่สำคัญในยุโรปตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันและยุคกลางของยุโรป จักรพรรดิคาร์ลที่ 4แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยชาลส์ (Charles University) ขึ้นที่กรุงปรากซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก ในช่วงยุคกลาง เช็กเกียอยู่ภายใต้การปกครองของคริสตจักรเช่นเดียวกับดินแดนอื่น ๆ ในยุโรป จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1526 เช็กเกียจึงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ฮับสบูร์ก ในศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการฟื้นฟูความตระหนักถึงชนชาติ ซึ่งถึงจุดสูงสุดในปี ค.ศ. 1848 เมื่อกรุงปรากเป็นเมืองแรกในอาณาจักรฮับสบูร์กที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูป และต้องการแยกตัวเป็นรัฐอิสระ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

    คริสต์ศตวรรษที่ 20
    ดูบทความหลักที่: สาธารณรัฐเชโกสโลวาเกีย, สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 1 และ สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 2

    ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ฝ่ายพันธมิตรได้สนับสนุนให้ชาวเช็กและชาวสโลวักสร้างสหพันธรัฐประชาธิปไตยเชโกสโลวาเกียขึ้น ในปี ค.ศ. 1918 เนื่องจากชาวเช็กและชาวสโลวักมีภาษาคล้ายคลึงกัน แต่แยกจากกันทางการเมือง เนื่องจากสโลวาเกียเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฮังการี ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เชโกสโลวาเกียเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมมีความก้าวหน้าที่สุดจนติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชาวสโลวักต้องการแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระจากชาวเช็กซึ่งมีบทบาทเหนือกว่า

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1939 กองทัพเยอรมนีนาซีได้รุกรานแคว้นโบฮีเมียและมอเรเวีย ทำให้เชโกสโลวาเกียสูญเสียความเป็นรัฐเอกราช จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1945 กองทัพโซเวียตได้ปลดปล่อยดินแดนของเชโกสโลวาเกียจากการปกครองของนาซี ทำให้สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการทางการเมืองของเชโกสโลวาเกียในเวลาต่อมา และในปี ค.ศ. 1948 พรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจไว้

    หลังสงคราม
    ดูบทความหลักที่: สาธารณรัฐเชโกสโลวักที่ 3, สาธารณรัฐสังคมนิยมเชโกสโลวัก และ พรรคคอมมิวนิสต์เชโกสโลวัก

    พรรคคอมมิวนิสต์มีอิทธิพลในเชโกสโลวาเกียมาโดยตลอด จนกระทั่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 60 ได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูป ที่เรียกว่า ช่วงฤดูใบไม้ผลิแห่งกรุงปราก (Prague Spring) ภายใต้การนำของนายอาเลกซันแดร์ ดุปเชก (Alexander Dubček) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียต และประเทศอื่นในกลุ่มกติกาสนธิสัญญาวอร์ซอ (Warsaw Pact) เกรงว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามต่อระบบคอมมิวนิสต์ จึงได้ยกกองกำลังเข้าไปในเชโกสโลวาเกียเมื่อปี ค.ศ. 1968 และจัดตั้งระบบคอมมิวนิสต์ที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแนวคิดต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ในเชโกสโลวาเกีย

    หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายลง เชโกสโลวาเกียได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติ โดยผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การปฏิวัติกำมะหยี่ (Velvet Revolution) และนายวาตสลัฟ ฮาเวล (Václav Havel) ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีเชโกสโลวาเกียในปี ค.ศ. 1989

    รัฐบาลเชโกสโลวาเกียได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2536 ให้สลายประเทศเชโกสโลวาเกีย และแบ่งออกเป็นสาธารณรัฐเช็ก (เช็กเกีย) และสาธารณรัฐสโลวัก (สโลวาเกีย) ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า Velvet Divorce ต่อมา นายวาตสลัฟ ฮาเวลได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเช็กเกียในปี ค.ศ. 1993 และได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1998 จนกระทั่งหมดวาระ (วาระละ 5 ปี) เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 และนายวาตสลัฟ เกลาส์ (Vaclav Klaus) ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสืบต่อ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003

    Read less

Phrasebook

สวัสดี
Ahoj
โลก
Svět
สวัสดีชาวโลก
Ahoj světe
ขอขอบคุณ
Děkuji
ลาก่อน
Ahoj
ใช่
Ano
ไม่
Ne
คุณเป็นอย่างไรบ้าง
Jak se máte?
สบายดีขอบคุณ
Dobře, děkuji
ราคาเท่าไหร่?
Co to stojí?
ศูนย์
Nula
หนึ่ง
Jeden

Where can you sleep near ประเทศเช็กเกีย ?

Booking.com
490.119 visits in total, 9.198 Points of interest, 404 Destinations, 85 visits today.