Italia

ประเทศอิตาลี
qwesy qwesy - CC BY 3.0 Antonella Balboni - CC BY-SA 4.0 Dianelos Georgoudis - CC BY-SA 3.0 D.benedetti - Public domain Marek Ślusarczyk (Tupungato) Photo gallery - CC BY 3.0 Alessandro Ricci (Alrige) - CC BY-SA 3.0 Fallaner - CC BY-SA 4.0 SurfAst - CC BY-SA 3.0 Giulia Lavagnoli - CC BY-SA 4.0 qwesy qwesy - CC BY 3.0 Agostino Artnoir Sella - CC BY-SA 2.0 Kabu96 - CC BY-SA 4.0 Didier Descouens - CC BY-SA 4.0 Jensens - Public domain Livioandronico2013 - CC BY-SA 4.0 Commonists - CC BY-SA 4.0 This Photo was taken by Wolfgang Moroder. Feel free to use my photos, but please mention me as - CC BY-SA 4.0 MW - CC0 User GerardM on nl.wikipedia - CC BY-SA 3.0 JoJan - CC BY-SA 2.5 dalbera from Paris, France - CC BY 2.0 Wikibusters - CC BY-SA 4.0 Didier Descouens - CC BY-SA 4.0 Clemensfranz - CC BY 2.5 Starlight - Public domain de:Benutzer:Maschär - CC BY-SA 3.0 cattan2011 - CC BY 2.0 D.benedetti - Public domain Livioandronico2013 - CC BY-SA 4.0 Sidvics - CC BY-SA 3.0 This Photo was taken by Wolfgang Moroder. Feel free to use my photos, but please mention me as - CC BY-SA 3.0 Berthold Werner - CC BY-SA 3.0 Bradley Weber - CC BY 2.0 Gabriele Dalla Porta from Cornuda, Italia - CC BY-SA 2.0 WolfgangM - CC BY 2.0 D.benedetti - Public domain qwesy qwesy - CC BY 3.0 Enzo Rippa - CC BY-SA 4.0 Commonists - CC BY-SA 4.0 Maurizio Moro5153 - CC BY-SA 4.0 Manuel Reinhard sprain - CC0 Zanna13 - CC BY-SA 4.0 philippe.hemmel - CC BY 2.0 ParsonsPhotographyNL - CC BY-SA 4.0 Kiban - CC BY-SA 3.0 Paoladc91 - CC0 Antonella Balboni - CC BY-SA 4.0 cattan2011 - CC BY 2.0 Gabriele Gorla - CC BY-SA 2.5 Alexander Fradellafra - CC0 2015 Michael 2015 - CC BY-SA 4.0 Didier Descouens - CC BY-SA 4.0 D.benedetti - Public domain Jiuguang Wang - CC BY-SA 3.0 No images

Context of ประเทศอิตาลี

อิตาลี (อังกฤษ: Italy; อิตาลี: Italia, ออกเสียง: [iˈtaːlja] ( ฟังเสียง)) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (อังกฤษ: Italian Republic; อิตาลี: Repubblica Italiana, ออกเสียง: [reˈpubblika itaˈljaːna]) เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปใต้ และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปตะวันตก ตาม​ภูมิศาสตร์การเมือง​ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลีและถูกคั่นด้วยเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ อิตาลีเป็นรัฐเดี่ยวซึ่งปกครองด้วยรูปแบบสาธารณรัฐระบบรัฐสภา มีเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดคือกรุงโรม และมีศูนย์กลางเศรษฐกิจอยู่ทีมิลาน อิตาลีมีพื้นที่ 301,230 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนติดกับประเทศฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, สโลวีเนีย และมีดินแดนแทรกขนาดเล็กตั้งอยู่ภายในได้แก่นครรัฐวาติกันและประเทศซานมารีโน มีประชากรราว 58 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป

เนื่องจากอิตาลีตั้งอยู่ตอนใต้ทวีปยุโรปและอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจ...อ่านต่อ

อิตาลี (อังกฤษ: Italy; อิตาลี: Italia, ออกเสียง: [iˈtaːlja] ( ฟังเสียง)) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (อังกฤษ: Italian Republic; อิตาลี: Repubblica Italiana, ออกเสียง: [reˈpubblika itaˈljaːna]) เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปใต้ และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปตะวันตก ตาม​ภูมิศาสตร์การเมือง​ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลีและถูกคั่นด้วยเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ อิตาลีเป็นรัฐเดี่ยวซึ่งปกครองด้วยรูปแบบสาธารณรัฐระบบรัฐสภา มีเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดคือกรุงโรม และมีศูนย์กลางเศรษฐกิจอยู่ทีมิลาน อิตาลีมีพื้นที่ 301,230 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนติดกับประเทศฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, สโลวีเนีย และมีดินแดนแทรกขนาดเล็กตั้งอยู่ภายในได้แก่นครรัฐวาติกันและประเทศซานมารีโน มีประชากรราว 58 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป

เนื่องจากอิตาลีตั้งอยู่ตอนใต้ทวีปยุโรปและอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจึงมีภูมิอากาศที่อบอุ่น ทำเลที่ตั้งยังเอื้ออำนวยต่อการค้าขายทางทะเลมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นถิ่นกำเนิดของอารยธรรมสำคัญมากมาย ชนเผ่าโบราณมากมายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรอิตาลีตั้งแต่สมัยคลาสสิก เช่น ฟินิเชีย ต่อมา ชาวกรีกโบราณมีบทบาทหลักในบริเวณมังนาไกรกิอาซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมอิทรัสคัน ตามมาด้วยการตั้งถื่นฐานของชาวเคลต์ ก่อนที่ชาวละตินจะสถาปนาราชอาณาจักรโรมันขึ้นในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล และปฏิรูปเป็นสาธารณรัฐโรมันซึ่งปกครองด้วยระบบวุฒิสภา ก่อนจะเข้าพิชิตและครอบงำอาณาจักรเพื่อนบ้าน และอิทธิพลของกรุงโรมได้แผ่ขยายไปยังทวีปอื่น ๆ เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษแรก จักรวรรดิโรมันได้กลายเป็นมหาอำนาจในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียน มีอำนาจนำทั้งในด้านเศรษฐกิจ, วัฒนธรรม และศาสนาที่เรียกว่ายุคสันติภาพโรมัน โดยกินเวลากว่าสองร้อยปี และเริ่มมีการพัฒนาระบบกฎหมาย, องค์ความรู้, ศิลปะ, เทคโนโลยี และวรรณกรรม

ในช่วงยุคกลางตอนต้น อิตาลีต้องเผชิญกับการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกและการรุกรานของอนารยชน แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 11 การค้าของรัฐอิสระทางตอนกลางและตอนเหนือของคาบสมุทรนำพวกเขากลับสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจ โดยมีการวางรากฐานสำหรับทุนนิยมสมัยใหม่ รัฐอิสระเหล่านี้เป็นศูนย์กลางการค้าหลักของยุโรปกับเอเชียและตะวันออกใกล้ ซึ่งมีความเป็นรัฐประชาธิปไตยมากกว่าดินแดนอื่น ๆ ของยุโรปที่ปกครองด้วยระบอบศักดินา โดยส่วนหนึ่งของอิตาลีตอนกลางอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐสันตะปาปาตามระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่บริเวณตอนใต้ยังคงเป็นระบอบศักดินาจนถึงศตวรรษที่ 19 โดยได้รับอิทธิพลจากจักรวรรดิไบแซนไทน์, อารากอน, อาหรับ และชัยชนะของชาวนอร์มันต่ออิตาลีตอนใต้

ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเริ่มต้นขึ้นในอิตาลีและขยายไปยังส่วนอื่น ๆ ในยุโรป ทำให้เกิดกระแสความสนใจในมนุษยนิยม วิทยาศาสตร์ การสำรวจ และศิลปะ วัฒนธรรมอิตาลีเฟื่องฟูมากในยุคดังกล่าว ก่อให้เกิดนักวิชาการ ศิลปิน และพหูสูตที่มีชื่อเสียง ในช่วงยุคกลาง นักสำรวจชาวอิตาลีได้ค้นพบเส้นทางสู่โลกใหม่ นำไปสู่ยุคแห่งการค้นพบ แต่อำนาจทางการค้าของอิตาลีลดลงอย่างมากด้วยการเปิดเส้นทางการค้าข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ต้องเผชิญการแข่งขันกับชาติมหาอำนาจอื่น ๆ และความขัดแย้งในประเทศก่อให้เกิดการสู้รบระหว่างนครรัฐในศตวรรษที่ 15 และ 16 ก่อให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองอีกหลายศตวรรษ

ในศตวรรษที่ 19 ลัทธิชาตินิยมก่อให้เกิดการปฏิวัติทางการเมือง ก่อนที่แผ่นดินทั้งหมดจะรวมเป็นหนึ่งใน ค.ศ. 1861 และสถาปนาราชอาณาจักรอิตาลี ต่อมา ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 อิตาลีได้พัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศ และได้ขยายการล่าอาณานิคม แต่บริเวณตอนใต้ยังประสบปัญหาความยากจน และถูกกีดกันออกจากภาคอุตสาหกรรม แม้อิตาลีจะเป็นหนึ่งในสี่มหาอำนาจหลักของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่ประเทศได้เข้าสู่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางสังคมในเวลาต่อมา นำไปสู่ระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ใน ค.ศ. 1922 และเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่สองกับฝ่ายอักษะก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ ตามมาด้วยความเสียหายทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเกิดสงครามกลางเมือง และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประเทศ ตามมาด้วยการยกเลิกระบอบราชาธิปไตย และก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยและกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วมาถึงปัจจุบัน

อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุด โดยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก (และอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป) หากวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมทั้งมีทองคำสำรองในธนาคารมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีคุณภาพชีวิตประชากรสูง จากการมีระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจในด้านการทหาร, การทูต, การค้า และอุตสาหกรรม โดยมีขนาดกองทัพใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศผู้ร่วมก่อตั้งสหภาพยุโรป และยังเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ, เนโท, องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป, องค์การการค้าโลก, กลุ่ม 7, กลุ่ม 20, สหภาพเพื่อเมดิเตอร์เรเนียน, สภายุโรป และพื้นที่เชงเกน อิตาลียังเป็นต้นกำเนิดของสิ่งประดิษฐ์และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากมาย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะ, ดนตรี, วรรณกรรม, ปรัชญา และแฟชั่น และมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงโลก และยังมีจุดเด่นในด้านอาหาร, กีฬา และธุรกิจ รวมทั้งเป็นแหล่งสะท้อนความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม โดยเป็นประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดในโลก (58 แห่ง) และมีนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก

More about ประเทศอิตาลี

Basic information
  • Currency ยูโร
  • Native name Italia
  • Calling code +39
  • Internet domain .it
  • Mains voltage 230V/50Hz
  • Democracy index 7.74
Population, Area & Driving side
  • Population 58850717
  • Area 302068
  • Driving side right
ประวัติ
  • ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์อิตาลี
    ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคจักรวรรดิโรมัน
     
    สนามกีฬาโคลอสเซียม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงโรม

    คาบสมุทรอิตาลีมีมนุษย์อาศัยตั้งแต่ยุคหินเก่า ดินแดนลุ่มแม่น้ำไทเบอร์เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลตั้งแต่เมื่อประมาณ 5 หมื่นปีที่แล้ว และด้วยอิตาลีนั้นตั้งอยู่บนคาบสมุทรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีอารยธรรมโบราณกล่าวคือ อารยธรรมมิโนอันและไมซีเนียน อารยธรรมที่เกี่ยวพันกับอารยธรรมกรีกโบราณ อิตาลีเป็นประเทศที่มีอารยธรรมมาช้านานและแผ่ขยายดินแดนอื่น ๆ ในทวีปยุโรป[1]

    ...อ่านต่อ
    ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์อิตาลี
    ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคจักรวรรดิโรมัน
     
    สนามกีฬาโคลอสเซียม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงโรม

    คาบสมุทรอิตาลีมีมนุษย์อาศัยตั้งแต่ยุคหินเก่า ดินแดนลุ่มแม่น้ำไทเบอร์เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลตั้งแต่เมื่อประมาณ 5 หมื่นปีที่แล้ว และด้วยอิตาลีนั้นตั้งอยู่บนคาบสมุทรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีอารยธรรมโบราณกล่าวคือ อารยธรรมมิโนอันและไมซีเนียน อารยธรรมที่เกี่ยวพันกับอารยธรรมกรีกโบราณ อิตาลีเป็นประเทศที่มีอารยธรรมมาช้านานและแผ่ขยายดินแดนอื่น ๆ ในทวีปยุโรป[1]

    ในช่วง 1,600 ปีก่อนคริต์ศักราช พวกอีทรัสคัน จากเอเชียไมเนอร์ก็ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่เป็นแคว้นทัสกานีในปัจจุบัน พร้อมกับนำอารยธรรมกรีกเข้ามาเผยแพร่ ส่วนพวกกรีกเองก็ได้เดินทางมาตั้งอาณานิคมชื่อว่า “แมกนากราเซีย” (อิตาลี: Magna Graecia) ในตอนใต้ของอิตาลีใน 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่เมืองเนเปิลส์จนถึงเกาะซิซิลี

    ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช พวกอีทรัสคันได้มีอำนาจปกครองดินแดนตั้งแต่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอิตาลีตั้งแต่หุบเขาโป จนถึงบริเวณเมืองนาโปลี และดินแดนรอบ ๆ กรุงโรม ขณะเดียวกันชนเผ่าอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีก็รวมตัวกันจัดตั้งเป็นนครรัฐขึ้น เพื่อต่อต้านการขยายตัวและอำนาจของพวกอีทรัสคันและกรีก ชนเผ่าที่สำคัญในการต่อต้านอำนาจเหล่านี้ได้แก่พวกละติน หรือโรมัน ซึ่งเมื่อถึง 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกละตินก็ได้มีอำนาจเหนือดินแดนอิตาลี เกาะซาร์ดิเนียและซิซิลี ทั้งหมดแล้ว

    ใน 27 ปีก่อนคริสต์ศักราช โรมได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสาธารณรัฐเป็นระบอบจักรวรรดิ โดยมีจักรพรรดิออกเตเวียน เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก นครหลวงแห่งนี้ได้เจริญถึงขีดสุดและสามารถขยายอำนาจปกครองอิทธิพลไปทั่วทั้งยุโรป และบริเวณรายรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการค้าและความเจริญในด้านวัฒนธรรมและศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ แทนอารยธรรมกรีกที่เสื่อมถอยลง ระหว่างปี ค.ศ. 96 – 180 เป็นช่วงระยะเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองของจักรพรรดิที่ปกครอง 5 พระองค์ แต่หลังจากนั้น โรมต้องประสบปัญหาทั้งในทุก ๆ ด้าน รวมไปถึงการรุกรานของพวกอนารยชน รวมทั้งการเสื่อมโทรมทางศีลธรรมจรรยา ใน ค.ศ. 312 จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงยอมรับคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งมีผลให้คริสต์ศาสนามีโอกาสได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนที่อยู่ใต้อาณัติของโรม และทรงแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วน คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก และจักรวรรดิไบแซนไทน์

    ในคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมันตะวันตกและกรุงโรมได้ถูกพวกอนารยชนชาวเยอรมันเข้าปล้นสะดม ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 476 จักรพรรดิโรมันพระองค์สุดท้ายก็ถูกพวกอนารยชนขับออกจากบัลลังก์ คาบสมุทรอิตาลีถูกแบ่งออกเป็นนครรัฐทั้งหลายซึ่งมีอิสระต่อกันกว่า 14 รัฐ

    ยุคกลาง
     
    แผ่นดินอิตาลีในยุคกลางตอนต้น

    ในช่วงต้นของยุคกลาง ดินแดนต่าง ๆ ในยุโรปได้ตกอยู่ในสภาวะระส่ำระสายที่บ้านเมืองขาดผู้นำ ระบบการเมือง เศรษฐกิจและสังคมถูกทำลาย แต่ในขณะเดียวกันบิชอบแห่งโรม ก็ได้สามารถสถาปนาอำนาจสูงสุดในคริสตจักรซึ่งต่อมาคือ“สันตะปาปา” และสามารถจัดตั้งรัฐสันตะปาปา อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดอารยธรรมโรมันที่ยังหลงเหลือให้คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี แม้นครรัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรอิตาลีจะขาดเอกภาพทางการเมือง แต่นครรัฐเหล่านั้นยังเป็นศูนย์กลางของความเจริญมั่งคั่งและการฟื้นตัวของศิลปะและวัฒนธรรมของยุโรป

    ในกลางคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 14 อิตาลีได้ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอารยธรรมกรีกและโรมัน โดยเรียกว่า ยุคเรอเนซองส์ และเป็นผู้นำของลัทธิมนุษยนิยม ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปยังตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบศักดินา แต่เมื่อเข้าปลายคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 15 อิตาลีได้ตกเป็นสมรภูมิแย่งชิงอำนาจระหว่างฝรั่งเศส สเปน และออสเตรีย กล่าวคือ เมื่อปี ค.ศ. 1494 พระเจ้าชาร์ลที่ 8 แห่งฝรั่งเศสได้เปิดการโจมตีคาบสมุทร ซึ่งได้ดำเนินเรื่อยมาถึงกลางคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 16 และการโจมตีเพื่อแย่งการเป็นเจ้า ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน

    ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)
    ดูบทความหลักที่: ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)
     
    เบนิโต มุสโสลินี (ซ้าย) กับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (ขวา) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

    ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีการชุมนุมของขบวนการชาตินิยม เพื่อต้องการรวมอิตาลีจนเป็นผลสำเร็จ โดยการนำของพระเจ้าวิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 นับแต่นั้นมา อิตาลีจึงอยู่ภายใต้การปกครองระบอบกษัตริย์ เรื่อยมาจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอิตาลี เมื่อมีการประกาศยกเลิกความเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จนได้รับสมญานามว่าเป็น 1 ใน 4 มหาอำนาจ (The Big Four) ต่อมาสงครามได้ยุติลงด้วยชัยชนะของสัมพันธมิตร อิตาลีจึงได้ดินแดนบางส่วนของออสเตรียมาครอบครอง

    ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 ระบบเผด็จการฟาสซิสต์ ถูกนำมาใช้ในประเทศอิตาลีกว่า 20 ปี โดยการนำของเบนิโต มุสโสลินี ถึงแม้ว่าจะมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็เป็นเพียงในนามเท่านั้น จนกระทั่งเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง อิตาลีเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรยึดเกาะซิซิลีได้ มุสโสลินีจึงถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งปีเอโตร บาโดลโย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และประกาศสงครามกับนาซีเยอรมนี จนได้รับชัยชนะ โดยมุสโสลินีถูกกลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์จับกุม และถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในข้อหาทรยศต่อชาติที่เมืองมิลาน[2]

    สาธารณรัฐอิตาลี

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง สิ้นสุดลง อิตาลียังคงมีพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 เป็นประมุขอยู่ ต่อมาพระองค์สละราชสมบัติให้กับพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 ขึ้นครองราชย์แทน แต่ครองราชย์ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ประชาชนต่างลงประชามติให้อิตาลีเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบกษัตริย์มาเป็นระบบสาธารณรัฐในระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1946 โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี ค.ศ. 1948 จนถึงปัจจุบัน[2]

    "History of Italy". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). ↑ 2.0 2.1 ประวัติประเทศอิตาลี เก็บถาวร 2011-05-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, จากเว็บไซด์ปากเซ ดอตคอม, สืบค้นวันที่ 19 ก.ค. 2552
    Read less

Phrasebook

สวัสดี
Ciao
โลก
Mondo
สวัสดีชาวโลก
Ciao mondo
ขอขอบคุณ
Grazie
ลาก่อน
Arrivederci
ใช่
ไม่
No
คุณเป็นอย่างไรบ้าง
Come stai?
สบายดีขอบคุณ
Bene grazie
ราคาเท่าไหร่?
Quanto costa?
ศูนย์
Zero
หนึ่ง
Uno

Where can you sleep near ประเทศอิตาลี ?

Booking.com
486.718 visits in total, 9.181 Points of interest, 404 Destinations, 28 visits today.